ในยุคสมัยนี้ศิลปะการสักลายได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมสากลที่คนทั่วโลกต่างก็ชื่นชอบ ในสายตาของคนในประเทศไทยเองก็เช่นกัน มีการเปิดกว้างในเรื่องของการสักลายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยของทัศนคติด้านลบที่มีต่อคนสักลายอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการรู้สึกระแวงผู้ที่มีรอยสัก การปลูกฝังกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าการสักเป็นเรื่องที่อันตราย เป็นต้น ในวันนี้เราจะพาทุกท่านมองย้อนกลับไปถึงความสัมพันธ์ของ “คนไทย กับ รอยสัก” ว่าเหตุใดกัน คนสักลาย จึงถูกตีตราว่าเป็นคนไม่ดี เราไปดูกันเลย
ค่านิยมของคนไทยต่อ คนสักลาย และรอยสักในอดีต
เราจะมาย้อนดูกันถึงค่านิยมในอดีต ที่เป็นต้นตอทำให้หลายต่อหลายคนมีมุมมองและทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนสักลายกัน ในที่นี้เราจะขอแบ่งเป็น 2 ข้อ โดยจะแบ่งเป็นค่านิยมในอดีตของทั้งในประเทศและต่างประเทศ
1.คนสักลาย ในประเทศไทย
มาดูกันที่ความหมายของการสัก ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 การสักเป็นการนำเหล็กแหลมแทงด้วยวิธีการหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ โดยเขียนอธิบายต่อไว้ว่า การสักข้อมือเป็นการขึ้นทะเบียนชายฉกรรจ์ ส่วนสักบริเวณใบหน้านั้นคือผู้ต้องโทษปราชิก แสดงว่าค่านิยมต่อการสักลายของคนสมัยก่อน มีไว้เพื่อแบ่งชนชั้นว่าใครเป็นทาส ใครเป็นนักโทษและใครเป็นชนชั้นล่าง
2.คนสักลายในต่างประเทศ
ต่างประเทศก็มีวัฒนธรรมเช่นเดียวกับของไทยอย่างเช่นในยุคกรีก ที่มีการสักใบหน้าเพื่อแสดงความเป็นทาส และในยุคถัดมาการสักบริเวณใบหน้าจะถือว่าเป็นการลบหลู่พระเจ้า จึงถือว่าใครที่มีลายสักเป็นพวกขี้ยาและเป็นอันธพาล
ค่านิยมของคนไทยต่อคนสักลายและรอยสักในปัจจุบัน
ค่านิยมของคนไทยที่มีต่อคนสักลายก็ยังคงหลงเหลือมุมมองเนกาทีฟให้ได้เห็นถึงแม้ว่าจะถูกทำให้เป็นแฟชั่นแล้วก็ตาม มุมมองต่าง ๆ เหล่านั้นถูกสอดแทรกอยู่ในทุก ๆ เรื่องราวในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เคยตีพิมพ์ออกมาว่าสถาบันทางการศึกษาสถาบันหนึ่งห้ามคนมีรอยสักเข้าสมัครเรียน ในสื่อต่าง ๆ ที่ผลิตความบันเทิงก็มักจะให้ตัวร้ายหรือคนที่มีบุคลิกน่ากลัวต้องมีรอยสักและไว้หนวดไว้เครา ค่านิยมต่อรอยสักที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือการประกอบอาชีพที่อาชีพส่วนมากจะห้ามมีรอยสักเพียงเพราะว่าไร้ความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็น่าตลกดีกับคนที่ประสบความสำเร็จด้านใดด้านหนึ่งแล้วมีรอยสัก คนผู้นั้นจะถูกยอมรับจากสังคมทันที
ลายสักไม่ได้มีแค่มุมมองด้านลบเพียงเท่านั้น ชายไทยในสมัยก่อน ถือว่าการสักยันต์ก็จะเป็นการเพิ่มความเป็นชาย แถมยังดูน่าชื่นชม น่าเกรงขาม แต่จากค่านิยมของคนในสังคมในปัจจุบันต่อคนสักลายที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น เป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้รอยสักจะมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น มีผู้คนนิยมมากขึ้น แต่มุมมองที่ไม่ได้กว้างขวางและไม่ได้เปิดรับความเป็นไปของโลกในศตวรรษที่ 21 เหล่านั้นยังคงอยู่ และยังคงต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้ความคิดเหล่าได้ได้รับการ Educated เสียที
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://1dollar-tattoo-designs.com/ลายสัก-101/
เครดิตภาพ
https://google.com/