หากพูดถึงการสัก ยังไม่สามารถที่จะหาข้อเท็จจริงได้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรหรือเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพียงแค่ข้อสันนิษฐานจากเหล่านักโบราณคดีว่า การสักนั้นเกิดขึ้นมาในยุคเดียวกับที่มนุษย์ถือกำเนิดขึ้น จากความบังเอิญที่เกิดบาดแผลไม่ว่าจะเป็นจากหนามของพืช จากสัตว์ หรือสิ่งต่าง ๆ แล้วเกิดเป็นแผลเป็นที่มีสีที่ไม่ใช่สีผิวติดอยู่บนรอยแผลนั้น สิ่งที่นำมาสนับสนุนขอสันนิษฐานของเหล่านักโบราณคดีนั้นก็คือ “มัมมี่ที่มีอายุหลายพันปีก่อนคริสตกาล” ที่ถูกค้นพบขึ้นมาแล้วมี รอยสัก อยู่ด้วยนั่นเอง วันนี้เราจะพามาดูข้อมูลของมัมมี่ตัวนี้ที่ถือว่าเป็นมัมมี่ที่มีรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดในโลกกันครับ
ข้อมูล รอยสัก ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มนุษย์น้ำแข็ง “เอิตซี”
เอิตซีเป็นมัมมี่ตามธรรมชาติจากการที่ร่างกายอยู่ในอุณภูมิที่เย็นจัด ทำให้สภาพร่างกายนั้นถือว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และเป็นมันมี่ที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา มีอายุประมาณ 5,250 ปีก่อน รอยสักที่ค้นพบนั้นจะเป็นรอยสักรูปเครื่องหมายบวกบ้าง ขีดเป็นเส้นตรงสามถึงสี่เส้นบ้าง นักโบราณคดีบางส่วนสันนิษฐานว่าเป็นลายสักโบราณที่สักเพื่อประกอบพิธีกรรมบางอย่าง บางส่วนก็บอกว่าเป็นการสักเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดบางอย่างซึ่งก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ โดยสิ่งที่ค้นพบในรอยสักนี้พบว่าการสักนั้นใช้วิธีนำผงถ่านมาถูกับแผล เมื่อแผลหายจึงเกิดเป็นแผลเป็นลักษณะคล้ายรอยสักในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน เอิตซีเป็นมัมมี่ที่มีรอยสักที่เก่าแก่ แต่ไม่ได้เป็นที่สุดของโลกแล้ว เพราะมีการค้นพบข้อมูลบนตัวมัมมี่ในอียิปต์ที่มีความเก่าแก่กว่า จะเป็นอย่างไรไปดูกันต่อเลย
ข้อมูลรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งใหม่ มัมมี่อียิปต์ “มัมมี่เกเบอลีน”
เป็นมัมมี่คู่ชายหญิงที่มีอายุมากกว่าเอิตซี เพราะมีอายุมากถึง 5,375 ปีเลยทีเดียว เป็นมัมมี่ที่ถูกค้นพบมานานแล้ว แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ได้สมบูรณ์เท่ากับเอิตซี ทำให้รอยสักต่าง ๆ ไม่ชัด นักโบราณคดีจึงคิดว่าเป็นเพียงรอยเปื้อนตามกาลเวลาเฉย ๆ แต่ในภายหลังได้ตรวจสอบด้วยอินฟาเรดและค้นพบว่ารอยเปื้อนดำ ๆ เหล่านั้นคือลายสักโบราณในยุคที่มีฟาโรห์ปกครองอยู่ โดยรอยสักที่ค้นพบในมัมมี่เกเบอลีนหญิงเป็นรูปคล้ายตัว S สี่ตัวเรียงติดกัน คากว่าเป็นการแสดงถึงความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์เวทมนต์ ส่วนมัมมี่เกเบอลีนชายจะเป็นรูปวัวป่าและแกะภูเขา คาดว่าแสดงถึงความเป็นชายและความแข็งแกร่ง สิ่งที่น่าสนใจของมัมมี่เกเบอลีนทั้งสองตัวนี้คือเป็นการสักในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดคล้ายกับเป็นการสักเพื่อความเป็นแฟชั่นในยุคนั้น
จากข้อมูลข้างต้นที่ได้กล่าวไปถึงรอยสักไม่ว่าจะเป็นของเอิตซีหรือมัมมี่เกเบอลีน ทำให้เราเห็นได้ว่าการสักนั้นค่อนข้างอยู่คู่กับมนุษย์เรามานานมาก ๆ แล้วจริง ๆ และทางเราเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตที่วิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้ามากกว่านี้ เราจะสามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การสักลายของมนุษย์เราได้มากขึ้นเพื่อนำมาเป็นข้อมูลใหม่ ๆ ในการเรียนรู้เกี่ยวกับรอยสักของเราต่อไป
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://1dollar-tattoo-designs.com/ลายสัก-101/
เครดิต
https://menmen-aboutwater.blogspot.com/
https://today.line.me/th/v2/article/WG1065
https://www.dek-d.com/board/view/2599521