ประวัติศาสตร์การสักนั้นมีมาอย่างยาวนานมาก และในแต่ละยุคสมัยก็มีจุดประสงค์ในการสักที่แตกต่างกัน อย่างเช่นในยุคสมัยก่อนก็จะเป็นการ สักยันต์ ตามความเชื่อ พิธีกรรมต่าง ๆ ในยุคต่อมาก็จะเป็นการสักเพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่างให้คนทั่วไปได้รับรู้อย่างเช่นนักโทษ และในยุคปัจจุบันก็จะเป็นการสักตามสิ่งที่ชอบ จากพัฒนาการของการสักแต่ละยุคที่ได้กล่าวมา วันนี้เราจะมาพูดถึงทั้งการสักยันต์และการสักลายทั่วไปในยุคสมัยนี้ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เราไปหาคำตอบกันครับ

สักยันต์

การ สักยันต์ คืออะไร

การสักยันต์นั้นสอดแทรกไปด้วยพิธีกรรม ความเชื่อ และเป็นการเสริมความมั่นคงทางจิตใจให้สำหรับเหล่าชายฉกรรจ์ในยุคก่อน  โดยการสักยันต์ก็จะมีการสักอยู่ 2 แบบแตกต่างตามแต่ละจุดประสงค์ดังนี้

สักยันต์

1.การ สักยันต์ แบบคงกระพันชาตรี

ความเชื่อที่ว่าการสักยันต์ประเภทคงกระพันชาตรีจะเป็นการสักเพื่อเสริมสร้างพลังกายและพลังใจ มีพุทธคุณคือฟันแทงไม่เข้า เป็นการสักเพื่อการสู้รบ โดยลายสักเหล่านี้ส่วนมากจะนิยมเป็นรอยสักรูปสัตว์ต่าง ๆ ที่มีความดุร้ายหรือปราดเปรียวเช่น หนุมานคลุกฝุ่น เสือเผ่น หงส์ เป็นต้น

2.การ สักยันต์ แบบเมตตามหานิยม

เป็นการสักยันต์ตามความเชื่อว่าเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตของผู้ที่สัก จะทำให้ทำมาค้าขายขึ้น การเจรจาต่าง ๆ ผ่านไปได้ด้วยดี โดยลายสักที่อยู่ในทางเมตตามหานิยมนี้ได้แก่ ยันต์ 5 แถว, ยันต์ 9 ยอด, สาลิกา เป็นต้น

สักยันต์

ความเหมือนของการสักยันต์และการสักลายทั่วไป

การสักยันต์นั้นมีพื้นฐานมาจากการที่คนเรามีความเชื่อ และแสดงความศรัทธาออกมาในรูปแบบของลายสักเพื่อถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ในขณะเดียวกัน การสักลายทั่วไปที่เหมือนจะเป็นการสักตามความชอบต่าง ๆ แต่ในความหมายลึก ๆ ของการสักลายในยุคสมัยนี้คือ การที่ต้องการให้สิ่งต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ความมุ่งมั่น และความเชื่อส่วนตัวแสดงออกมาผ่านรอยสักเพื่อถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการสักยันต์หรือการสักลายทั่วไป ต่างก็มีพื้นฐานมาจากความต้องการที่จะมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นกัน

สักยันต์

ความต่างของการสักยันต์และการสักลายทั่วไป

ในการสักยันต์ ไม่ว่าจะเป็นหนุมาณคลุกฝุ่น เสือเผ่น หงส์ หรือยันต์ต่าง ๆ ลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสักยันต์ของอาจารย์สำนักใดก็ตาม รูปแบบที่สักก็จะใช้รูปแบบเดียวกัน ยกเว้นรายละเอียดยิบย่อยที่อยู่ในลายสักยันต์แต่ละลายเท่านั้น แตกต่างกันตรงที่การสักลายทั่วไปจะมีความอิสระมากกว่า และสามารถสร้างสรรค์ได้โดยไม่มีกรอบ

สักยันต์

ถึงอย่างไรก็ตามการสักทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นศิลปะที่มีพื้นฐานจากความชอบและความเชื่อ แล้วแสดงออกมาผ่านร่องรอยบนผิวหนัง การสักยันต์เป็นการสักที่ถูกพัฒนาและเปลี่ยนแปลงค่านิยมมาเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นการสักในปัจจุบัน และนี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงว่าไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ศิลปะบนผิวหนังนี้ก็ยังเป็นศิลปะที่สวยงามมาทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ 

อ่านบทความเพิ่มเติม
https://1dollar-tattoo-designs.com/

เครดิตภาพ
https://www.rama.mahidol.ac.th/

https://men.mthai.com/

https://www.komchadluek.net/

https://mobile.twitter.com/

https://www.tnews.co.th/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *